เรามุ่งมั่นที่จะรวบรวมหลักการประพันธ์ทั้งหลายไว้ ไม่ว่าจะเป็น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิต และกลบท นับแต่ครั้งโบราณมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ลูกหลานและผู้ที่สนใจได้ศึกษา และดำรงคงไว้ให้คู่กับชาติไทยสืบไป

ลิลิต(ข้อมูลยังไม่สมบูรณ์)

ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แต่งด้วยคำประพันธ์ประเภทโคลงและร่าย สลับกันเป็นช่วงๆ ตามธรรมเนียมแล้ว มักจะใช้โคลงและร่ายในแบบเดียวกัน กล่าวคือ โคลงดั้นสลับกับร่ายดั้น โคลงสุภาพสลับกับร่ายสุภาพ อย่างนี้เป็นต้น โคลงและร่ายที่สัมผัสนั้น มักจะร้อยสัมผัสเข้าด้วยกัน เรียกว่า "เข้าลิลิต"

วรรณคดีที่แต่งตามแบบแผนลิลิต มักจะใช้ร่ายและโคลง สลับกันเป็นช่วงๆ ตามจังหวะ ลีลา และท่วงทำนอง และความเหมาะสมของเนื้อหาในช่วงนั้นๆ

ลิลิตที่ได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า เป็นยอดของโคลงลิลิต คือ ลิลิตพระลอ

ลิลิตมี ๒ ชนิด คือ

๑.ลิลิตสุภาพ คือลิลิตที่ใช้ร่ายสุภาพ ร่ายโบราณ และโคลงสุภาพ หรือใช่ร่ายสุภาพ และโคลงสุภาพ สลับระคนกันอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่นตัวอย่างใน ลิลิตพระลอ , ลิลิตตะเลงพ่าย และ ลิลิตนิทราชาคริต

๒.ลิลิตดั้น คือลิลิตที่ใช้ร่ายดั้น และโคลงดั้นสลับระคนอยู่ในเรื่องเดียวกัน เช่น ตัวอย่างใน ลิลิตยวนพ่าย

ร่ายและโคลงที่ใช้ในลิลิตนั้น มีลักษณะเหมือนที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น เป็นแต่เพิ่มสัมผัสใน ระหว่างบทให้เกี่ยวข้องติดต่อกันตั้งแต่ต้นจนจบ คือให้คำสุดท้ายของบทสัมผัสกับคำที่ ๑ , คำที่ ๒ หรือ คำที่ ๓ วรรคต้นของบทต่อ ๆ ไป

ตอนขึ้นต้นที่เป็นคำนำหรือบทไหว้ครู กับบทสุดท้ายที่จะจบเรื่องควรแต่งเป็นร่าย ส่วนในระหว่างท้องเรื่องใช้โคลงกับร่ายสลับกัน ลักษณะเช่นนี้ถือว่าเป็นแบบลิลิตที่ถูกต้อง แต่บางทีในตอนจบ ท่านแต่งเป็นโคลงก็มี

โคลงนั้นใช้โคลง ๒ สุภาพ , โคลง ๓ สุภาพ หรือโคลง ๔ สุภาพ สุดแต่จะเห็นว่าเหมาะสมว่าตอนไหนควรจะใช้โคลงชนิดอะไร

ถ้าแต่งเป็นลิลิตสุภาพ ต้องใช้ร่ายสุภาพ หรือร่ายโบราณขึ้นต้น แล้วต่อไปใช้โคลงสุภาพกับร่ายสุภาพหรือร่ายโบราณสลับกัน ถ้าแต่งเป็นลิลิตดั้นก็ต้องใช้ร่ายดั้นขึ้นต้นแล้วต่อไปก็ใช้โคลงดั้นกับร่ายดั้นสลับกันไป

ถ้าเป็นโคลง ๔ ดั้น นอกจากใช้สัมผัสเกี่ยวกันระหว่างบทดังกล่าวแล้วแล้ว ยังต้องใช้คำสุดท้ายของโคลงบทต้นสัมผัสกับคำที่ ๓ หรือ คำที่ ๔ หรือคำที่ ๕ บาทที่ ๒ ของบทต่อไป ตามแบบและชนิดของโคลงดั้นอีกด้วย ( ดูแบบสัมผัสของโคลง ๔ ดั้น ) คือใช้โคลงดั้นชนิดไหนก็ต้องใช้สัมผัสตามแบบของโคลงดั้นชนิดนั้น

เพราะการแต่งลิลิตเป็นเรื่องยาว การหาคำสัมผัสจึงเป็นเรื่องยาก ถ้าใช้คำเหมือนกันบ่อยนักก็ไม่ไพเราะ เพราะฉนั้นท่านจึงอนุญาติให้ใช้คำ " อิศ " ประกอบข้างหลังศัพท์อื่นก็ได้ เพื่อให้พยางค์สุดท้ายของศัพท์นั้นมีเสียงเข้าสัมผัสก็ได้ตามที่ต้องการ